เป็นอย่างที่คิดไว้ nanamai
ฉันที่เป็นแบบนี้ ฉันที่เป็นแค่ฉันคนนี้แท้ๆ ยังมีหน้าไปบอกความรู้สึกตรงๆกับเธออย่างนั้น เธอคงเกลียดฉันแล้วสินะ ไม่สิเธอคงรังเกียจฉันแล้วสินะ รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องคงจะออกมาเป็นอย่างนี้ แต่ก็ยังกล้าดีไปสาระภาพ จนทำให้ต้องรู้สึกกลัวและละอายใจต่ออีกฝ่ายอย่างมากขนาดนี้
นานะเสะคิดตัดพ้อในใจกับความกล้าหาญของเธอที่นำมาสู่เรื่องน่าผิดหวัง ที่รู้ทั้งรู้อยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้
หลังเลิกจากการถ่ายทำรายการที่ทั้งคู่ไปออกด้วยกันเพียงสองคน นานาเสะรวบรวมความกล้า ที่จะสารภาพความรู้สึกต่ออีกฝ่าย
ไมยันเป็นเหมือนพระอาทิตย์ดวงโตเหมือนเจ้าหญิงของอาณาจักร เหมือนราชินีของเหล่าผู้คน ด้วยความสวยและความสามารถที่เธอไม่อาจเทียบได้เลย เธอมองไมยันด้วยสายตาแห่งความชื่นชมและหลงไหลมาโดยตลอด เธอคาดหวังว่าสักวันเธอจะได้ก้าวมาเป็นคนมีหน้ามีตาพอเพื่อจะมาบอกกล่าวคำคำนั้นอย่างพอจะสมศักศรีบ้างแค่เท่านั้น จนวันนี้นานาเสะได้เลือกแล้ว ว่าคงเหมาะสมพอแล้ว
ในห้องแต่งตัวที่แสนเงียบงัน
นานาเสะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัว
"ไม ..ยัน "
"หือ" คนถูกเรียกหันมามองเธอหลังจากคำกล่าว
นานาเสะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้อย่างลุกลี้ลุกลน กลืนน้ำลายอึกใหญ่ แล้วเปล่งเสียงอย่างเต็มภาคภูมิ
"ฉันชอบเธอ"
"ชอบมากๆเลย ชอบมานานแล้ว"
อีกฝ่ายนิ่งไป จนนานาเสะเสียหลัก
ถ้าอีกฝ่ายคิดว่า มันเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นก็คงดีกว่านี้
แต่อีกฝ่ายดูจริงจัง เกินกว่าเรื่องจะพลิกเป็นเรื่องล้อเล่น
ไมยันมองนาจังอย่างพิจารณาก่อนจะเม้มปาก แล้วกล่าวขอโทษอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ขอโทษนะ คือ"
"ฉัน ชอบ ผู้ชาย"
นานาเสะ ทั้งหน้าแตกหมอไม่รับเย็บและความเจ็บปวดอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน หน้าที่ชาเหมือนโดนตบย้ำๆซ้ำๆจนขยับเขยื้อนส่วนใดไม่ได้เลย อยากจะรีเซ็ตความทรงจำของตนและอีกฝ่ายให้เป็นเพียงแค่นั่งในห้องแต่งตัวอย่างเงียบเชียบดังเดิม
นานาเสะรู้สึกวูบวาบสิ่งที่เหลืออยู่หลังความเจ็บปวด คือความอับอายอย่างถึงที่สุด แล้วยิ่งประโยคที่ว่าฉันชอบผู้ชายของไมยัน ยิ่งย้ำขีดเส้นให้รู้สึกว่าตนไปล่วงละเมิด คิดกับอีกฝ่ายเกินเลย และสิ่งที่ตัวเองตอนนี้สมควรจะได้รับก็คงเป็น ความรู้สึกรังเกียจจากคนตรงหน้าเพียงเท่านั้น
น่าอายที่สุดเลย
ทั้งคู่แยกย้ายกันไปเมื่อเสร็จจากการ เก็บสัมภาระเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อย
ไมยันฉุกคิดถึงเรื่องเมื่อสักคูรู่ ตัวเองในตอนนั้นตกใจอยู่ไม่น้อย นานาเสะที่พูดน้อย ดูเหินห่าง กับตนเองซะยิ่งกว่าใครๆ จนคิดไปเองแล้วว่า อีกฝ่ายคงเกลียดตนน่าดู กลับมาสารภาพว่ารักตน แต่ถึงจะตกใจแค่ไหน แต่ก็ยังแน่ใจในคำตอบที่แม่นยำของตัวเองเสมอว่าตัวเองชอบผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง
ถ้าตอบไปแบบชัดๆคงจะเข้าใจตรงกันแล้ว และคงตัดใจได้ในไม่นานหรอก ไมยันสรุปความได้แบบนั้น
ฝ่ายนานาเสะที่สิ้นสุดตารางทำงานในวันนี้ได้กลับมายังที่พักอย่างเหนื่อยล้า ปกติก็เหนื่อยจากงานอยู่แล้ว วันนี้ยังต้องมาเหนื่อยกับการไปแกว่างเท้าหาเสี้ยนของตัวเองอีก
คงไม่กล้าสู้หน้าไมยันอีกแล้ว
นานาเสะคิดในใจแล้วสายตาเศร้าสร้อยนั้นก็ปิดลง
________________________________________________________
เช้าวันรุ่งขึ้นงานแรกของเช้าวันนี้คือถ่ายแบบนิตยสาร
ยังดีที่ไม่ใช่กับไมยันแค่สองคน มีซายุริ อีกคนนึง ใช่ใช่มันจะต้องดีแน่ๆ
นานะเสะคิดกับตัวเองก่อนจะเข้าไปยังห้องแต่งตัว เมื่อเข้ามาภายในห้อง ก็มีคนสองคนที่อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ซายุริง ยิ้มทักทายนานาเสะอย่างเป็นมิตร ส่วนไมยังก็หันมา โอะฮะโยเบาๆ ตามประสาคนร่วมงานกัน นานะเสะรีบเดินไปนั่งที่ห่างไกลจาก คนเสียงเบาให้มากที่สุดอย่างจำเป็น
เมื่อถึงเวลาถ่ายทำ
วันนี้เป็นตรีมชุด ธรรมดามีสั้นบ้าง โชว์เนื้อหนังบ้างแต่ไม่ใช่ชุดว่ายน้ำ ตากล้องดูจะรีเควทท่าโพสต์เพื่อเอาใจคู่ชิปซายุไมยันซะยกใหญ่ จนนานาเสะรู้สึกกลายเป็นธาตุอากาศโดยปริยาย จน
“ขอท่านั่งตักครับ นิชิโนะซัง นั่งบนตักชิราอิชิซังด้วยครับ”
นานาเสะรู้สึกใจหวิวกับคำขอของตากล้องอย่างลำบากใจ ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วย นานเสะรู้สึกลังเลต่อการจะทำตามคำขอ ทุกอย่างชะงักไป จนอีกคนเอื้อมมาจับเอวนานาเสะ เพื่อดันนานาเสะมานั่งตักของตน นานาเสะล้มลงบนตักไมยันอย่างตกใจ อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไร จนต้องตามน้ำทำงานต่อไปให้เสร็จสิ้น ถึงจะพยายามแล้ว แต่ใจกลับเต้นแรงจนน่ารำคาญ อยากวิ่งหนีไปจากที่นี่จริงๆ น่าอายที่สุด
โชคดีจริงๆที่ตารางงานต่อจากนี้ไม่ต้อวเจอกับคนตรงหน้าอีก นานาเสะที่รีบเก็บสัมภาระ แล้วจะรีบเดินออกไป แต่กลับชะงักเมื่อเดินไปประชันหน้ากับไมยัน .....
นานาเสะรีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็วที่สุด แค่มองหน้าก็ยังเจ็บปวด ปนอับอาย เข้าใจความรู้สึกที่อยากเอาปี๊บคลุมมหัวอย่างถึงที่สุด
ไมยันรู้สึกได้ของความเปลี่ยนไปของอีกฝ่าย จากที่อยู่ใกล้ๆแต่ไม่พูดไม่จาอะไรด้วย แต่วันนี้กลายเป็นเดินหนีและไม่กล้าอยู่ใกล้ๆเธออีกแล้ว
นานาเสะ เหมือนมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในใจไมยันแล้ว
ตลอดเวลานาจังพยายามอยู่ไกลเธอให้ได้มากที่สุด ถึงแม้ตอนซ้อมเต้นกันจะได้อยู่ใกล้กัน แต่พอหยุดการซ้อม ก็กลับกลายเป็นเดินหนีไม่ได้อยู่ใกล้ๆเธออีกแล้ว
ทำไมรู้สึกว้าเหว่ เหมือนสูญเสียอะไรบางอย่าง
หลังจากการซ้อมเต้นนาจังรีบเดินตรงไปที่ห้องน้ำทุกครั้ง ทั้งๆที่เมื่อก่อนต้อง นั่งนอนพักเหนื่อย หรือฟังไมยันพูดคุยกับใครๆ แค่อยู่ใกล้ๆ ก็มีความสุขแล้ว ได้เฝ้ามองไมยันยิ้มหัวเราะ แค่นั้นก็พอแล้ว แม้ไม่ได้พูดกับเธอสักคำเลยก็เถอะ
แต่ตอนนี้แค่อยู่ใกล้ๆ ก็เจ็บปวด
ตารางงานที่วนเวียนไปอย่างไม่จบสิ้น ธรรมดาคงเหนื่อยเมื่อยกายเพียงเท่านั้น แต่วันนี้กลับรู้สึกเหนื่อยใจอย่างแปลก พอหลับตากลับนึกถึงหน้าของ นาจัง ขึ้นมาทั้งอย่างนั้น
ทำไมนะ ไมยันได้แต่ถามหาคำตอบในใจ
ไมยันเปิดมือถือเพื่อเช็คเรื่องราวข่าวสาร ขณะ ที่จิตใจกำลังว้าวุ่น แอฟไลน์เด้งขึ้นบนหน้าจอ ไมยันกดเข้าไปเพื่ออ่านเรื่องราวของทุกคนที่คุยๆกัน ในกลุ่มแชทส่วนตัวที่มีเมมเบอร์แค่ไม่กี่คน
// ช่วงนี้ดูนาจังแปลกไปเนอะ
//ใช่ๆ
// ดูมีเรื่องไม่สบายใจ
//เราต้องช่วยให้นาจังดีขึ้น
//ทำไงดี
//จัดปาตี้
//ที่ไหน ที่ไหน
// งั้นไปกินเนื้อย่าง
//ดีดีๆ เนื้อย่าง
//สนใจสุดๆ
//เอาเลยๆ
//ใครจะไปชวนนาจัง
//เดี๋ยวชวนให้
//บอกว่าไงดี
//บอกว่า ชวนไปเที่ยวกันสองคน
//แต่เซอร์ไพส์
//กลายเป็นพวกเราไปกันพร้อมตา
//หลายคนสนุกชัวร์
ไมยันยิ้มให้กับ บทสนทนาของเพื่อนๆในแชท รู้สึกอิ่มใจ ที่เพื่อนๆที่แคร์ความรู้สึกคนอื่นขนาดนี้ ทำให้รู้สึกว่า นาจังไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว มีคนคอยห่วงใจอีกฝ่ายอยู่มากไม่น้อย ถึงตัวนาจังจะดูมีกำแพงกับใครต่อใคร แต่ทุกคนกลับเอ็นดู และรักใคร่นาจังอย่างเพื่อนพ้อง แม้ไม่ได้ถึงขั้นจะแชทไลน์คุยกับเจ้าตัวได้สบายๆแต่ ทุกคนก็ชอบในตัวนาจังอยู่ไม่น้อย อยากแคปหน้าจอไปให้นาจังดูจริงๆ ว่าตนเป็นที่รักแค่ไหน
ไมยันยิ้มให้กับเครื่องมือสื่อสารอย่างอิ่มเอมใจ
ถึงวันจัดงานปาตี้ฟื้นฟูจิตใจนาจัง ถึงจะรู้ตัวอยู่หน่อยๆว่าตัวเองนั่นแหละสาเหตุ แต่ก็อดห่วงไม่ได้ จึงมาร่วมวงอย่างหน้าตาเฉย พอเปิดประตูร้านไปแล้ว มุ่งหน้าไปยังโต๊ะที่เพื่อนๆตัวแสบนั่งคุยๆกันอยู่ นานาเสะที่ยิ้มดูสนุกสนาน คิดถึงร้อยยิ้มนี้จังนะ ลืมไปเลยว่านาจังก็ดูจะยิ้มสดใสให้ใครต่อใครที่ไม่ใช่เธอเหมือนกัน ที่ว่าสร้างกำแพง ก็สร้างแค่กับเธอ เพียงคนเดียว
ไมยันเผลอ ทำหน้าลำบากใจกับคำตอบที่เพิ่งฉุกคิด ว่าจริงๆแล้วตัวเองไม่เคยได้รับความสดใสกับอีกฝ่าย เท่ากับเพื่อนๆรอบๆตัวเลย
ทำไมรู้สึก อยากได้รับบ้างจัง รอยยิ้มแบบนั้น
พอไมยันแสดงตัว ส่งเสียงทักทาย ทุกๆคน รอยยิ้มนั้นกลับหุบลงแล้ว เหลือไว้เพียงแววตาเศร้า ใบหน้าเรียบเฉย ดูถ่อมตน ของอีกฝ่าย จนไมยันรู้สึกอึดอัดอย่างน่าประหลาดใจ
ทำไมไม่เห็นยิ้มให้กันบ้างเลย
นาจังถูกเพื่อนๆของเธอชวนคุยอย่างสนุกสนาน เจ้าตัวดูเปื้อนรอยยิ้มเล็กน้อย พอน่ารักจนไมยันแอบยิ้มตาม นาจังอยู่บางครั้ง พอผู้หญิงร่วมโต๊ะกันแล้ว เรื่องที่ขาดไม่ได้ก็คงจะเป็นเรื่องรักๆ
ทั้งๆที่ไม่ได้สนิทกันเนี่ยนะ
ไมยันตกใจกับคำถามของเพื่อนที่กล้าจะเอ่ยถามถึงเรื่องความรักกับนาจังอย่างสนุกปาก
“นาจังมีคนที่ชอบรึยังหล่ะ ”
นาจังเม้มปาก แสดงถึงความลำบากใจ หันไปมองทุกๆคนรอบๆจนหันมาหยุดที่ไมยัน แล้วหลบตา รีบหันไปทางอื่น
“พูดเรื่องอื่นดีกว่าน่า” ไมยันรีบพูดเพื่ออยากจะช่วยคนถูกถาม
นาจังดูก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม จนมองไม่เห็นสีหน้าของคนตรงหน้า
ฝ่ายนานาเสะ พอเห็นอีกคนโผล่มา ก็รู้สึกตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูกทั้งทั้งที่ตะกี้ก็สนุกจนเกือบลืมเรื่องไมยันไปแล้วแท้ๆ แต่ก็ดันลืมไปว่านี่คือสมาชิกกลุ่มเพื่อนซี้แก๊งไมยัน แต่ก็ไม่คิดเลย ว่าเจ้าตัวจะมาจริงๆ พอโดนถามเรื่องความรัก รู้สึกเหมือนโดนสาดน้ำใส่ มันหนาวๆเหมือนยืนอยู่ตัวคนเดียว พอไมยันท้วงให้เปลี่ยนเรื่อง อีกคนคงไม่อยากจดจำเรื่องวันนั้นจริงๆสินะ รู้สึกกดดันขึ้นไปยิ่งกว่าเก่า คงไม่ชอบจริงๆสินะ การสารภาพรักจากฉันคนนี้
อยากหายไปจากตรงนี้จริงๆ
ทุกคนรับรู้บรรยากาศจนต้องเปลี่ยนเรื่องตามที่ไมยันรีเควส
“สั่งไอศครีมดีกว่า ทานของหวานกันเถอะ ร้านนี้ของหวานน่ากินมากนะ”
ขอบคุณพระเจ้า นาจังรู้สึกโล่งอกเมื่อไอศครีมมาเสิร์ฟทุกคนก็สนใจกับของหวานตรงหน้าตนเองจนทำให้นาจังรีแลกซ์ขึ้นมาก
ปาตี้จบไปโดยไม่ได้อะไรนาจังที่เกร็งเพราะการมาร่วมงานของไมยัน ก็ได้แต่บอกลาทุกคนแล้วรีบเดินทางกลับที่พัก
เหนื่อยจัง
หลังจากถึงที่พักไมยังเปิดดูเครื่องมือสื่อการที่ดังขึ้น
// วินิจฉัยโรคได้แล้วววว
// อะไรอะไรเหรอ
// อาการป่วยของนาจัง
// ห๊ะ อะไรเหรอ
// ก็จากการสังเกตุ
// ไมยันนั้นแหละสาเหตุ
หืม ไมยันเผลอ ขมวดคิ้ว สงสัยพวกนั้นทำไมถึงคิดแบบนี้
// ก็ตอนแรกนาจังดูยิ้มแย้ม ใช่ไม๊ห่ละ
//ใช่
// อืมๆ
// พอไมยันโผล่มาก็ดูเกร็งๆ
// อืมน่าคิด
//คงงั้น
// แล้วช่วงนี้ร่วมงานกันบ่อยๆด้วย
// ไปทำอะไรไว้หล่ะ
ไมยันตกใจกับการวินิจฉัย ของเพื่อนคนนี้ เป็นไอดอล หรือนักสืบกันเนี่ย ทำไมรู้ละเอียดเกิน สนใจรายละเอียดเกิน แล้วเดาตรงเป๊ะเกิน
// ใช่ๆ ไปเผลอ รังแกนาจังรึเปล่า
// ใช่ ไม ดูรังสีแยงกี้เนอะ
// อืม คงหลบหน้าไมยัน แหงๆ
ไมยัน ขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม กับประโยครังสีแยงกี้
เค้ามาสารภาพรักฉันเว้ย ไอพวกนี้
ได้แต่คิดตอบคำถามในใจไม่กล้าพิมพ์ตอบตรงๆ
// สารภาพมาซะ คนร้าย
// ใช่ๆ
// อ่านอยู่ก็ตอบเซ่
//ชั้นไม่เกี่ยวหรอก
ไมยันตอบปฎิเสธ
.......ได้เปลี่ยนชื่กลุ่มสนทนาเป็น FC นานาเสะ
ไมยันขมวดคิ้ว
ทำอะไรของพวกมันเนี่ย
ความคิดเห็น